วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

Charcot joint

Charcot joint เกิดจากสูญเสียการรับความรู้สึกของ deep pain เมื่อมีการหักหรือแตกของกระดูกในตำแหน่งที่มี mechanical stressจะมีอาการบวมและมีเลือดไปยังตำแหน่งที่มีกระดูกหักมากขึ้น (reflex vasodilatation)  การที่เลือดไหลไปตำแหน่งนั้นมากขึ้นเป็นการขับแคลเซียม(wash away)ออกจากตำแหน่งที่กระดูกหักทำให้กระดูกไม่แข็งแรงและหักง่ายมากขึ้น ในที่สุดจะทำให้กระดูกมีการยุบตัว
ในปีค.ศ.1703 W. Musgrave ได้ค้นพบภาวะ neuropathic osteoarthropathy
ในปีค.ศ.1868 W. Musgrave ได้บรรยายถึงท่าเดินที่ผิดปกติของผู้ป่วยซิฟิลิส (tabes dorsalis).
ในปีค.ศ.1868 นักวิทยาศาสตร์ชื่อ Jordan ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างเบาหวาน กับ neuropathic arthropathy
ตำแหน่งที่เกิดผลกระทบจาก Charcot joint มากที่สุดคือ mid arch ตำแหน่งอื่นเช่น ข้อเท้า และ เท้าด้านหลังก็เกิดได้เช่นกันแต่น้อยมาก สาเหตุสำคัญคือ  peripheral neuropathyจากเบาหวาน
การดำเนินโรคขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หากรับความรู้สึกเจ็บได้บ้างจะทำให้วินิจฉัยได้รวดเร็ว แพทย์ผู้รักษามักจะวินิจฉัยผิดระหว่างCharcot joint กับ osteoarthritis ซึ่งทำให้การรักษาช้าออกไป
ในปี1966 Eichenholz แบ่งการดำเนินโรคออกเป็น 3 ระยะ
 ระยะที่หนึ่ง(development stage)มี debris รอบข้อบนภาพ x-ray กินระยะเวลาหลายวันจนถึงหลายสัปดาห์  ระยะนี้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากหากไม่มี trauma
ระยะที่สอง (coalescence stage)กระดูกเริ่มประสานกัน debris เริ่มถูกดูดซึมไป
ระยะที่สาม( reconstitution stage)เป็นระยะที่ debris หายไปมากและมีการสร้างกระดูกใหม่เป็นโครงสร้างที่แข็งแรง
ในปี 1999 by Sella and Barretteได้เพิ่มระยะ 0เข้าไป ว่าเป็นระยะที่ผู้ป่วยมีการของ Charcot arthropathyโดยที่เอ็กซเรย์ปกติ
ในปี  1992 Brodsky ได้แบ่ง Charcot joint เป็นชนิดต่าง ๆ ตามตำแหน่งที่เกิดดังนี้
 Type 1 - Lisfrank's joint พบ 27-60%




Type 2 - Chopart's joints and subtalar joints พบ 30-35%.
Type 3A - Ankle joint พบ 9%
Type 3B - The posterior calcaneus.
Type 4 - Multiple regions of the foot and/or ankle.
Type 5 - The forefoot.
Charcot joint มักจะได้รับการวินิจฉัยช้า โดยมากมักมีผลกระทบต่อผู้ป่วยเกิดขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสวมรองเท้าแล้วรู้สึกรัด แน่น หรือการติดเชื้อรุนแรงที่เท้า ซึ่งเป็นระยะที่มีการผิดรูปผิดตำแหน่งของกระดูกและเส้นเอ็นมากแล้ว
ภาวะใดก็ตามที่ทำให้การรับรู้ความรู้สึกเสียไปย่อมเป็นเหตุของการเกิด Charcot jointได้ทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างสาเหตุของCharcot joint
Diabetes mellitus
Tabes dorsalis (neuropathy caused by syphilis
Hansen's Disease (Leprosy)
Tumors of the spinal cord
Degenerative change of the spinal cord or peripheral nerve
Amyloid
Familial-hereditary neuropathies including Charcot-Marie Toothe Disease, Hereditary sensory neuropathy
and Dejerine-Sottas Disease
Pernicious Anemia
·         ยาที่อาจเป็นปัจจัยเสริมให้เกิด Charcot joint ได้แก่
Injectable and systemic use of steroids
Phenylbutazone
Indomethacin
Vincristine
·         ปัจจัยที่เสริมให้เกิด neuropathyและเกิด Charcot jointตามมาได้แก่
Alcoholic neuropathy
Congenital insensitivity to pain
Pott's Disease (tuberculosis of the spine)
ภาวะแทรกซ้อนที่เจอบ่อยสุดคือการเกิด rocker bottom foot กระดูกที่ Arch มีการยุบตัวมองเห็นมีปุ่มนูนที่ฝ่าเท้าด้านล่าง กระดูกที่ยุบจะกดผิวแล้วมีแผลตามมา


สิ่งสำคัญสำหรับการรักษาที่มีประสิทธิภาพคือต้องรีบวินิจฉัยภาวะนี้ให้ได้เร็วที่สุด และให้ผู้ป่วยพัก ใส่เฝือก และห้ามเดินลงน้ำหนัก


Total contact cast นิยมใช้สำหรับผู้ป่วย Charcot joint ระยะที่หนึ่งและสอง เพื่อไม่ให้มีการลงน้ำหนักซึ่งจะทำให้โรคดำเนินไปสู่ระยะที่สาม ผู้ป่วยจะใส่ไว้หลายสัปดาห์อาจถึงหกเดือนก็ได้
การผ่าตัดเป็นสิ่งที่ท้าทายมากเนื่องจากภาวะนี้มีความซับซ้อนอีกทั้งผู้ป่วยส่วนใหญ่มักมีโรคประจำตัวซึ่งไม่ค่อยเหมาะกับการผ่าตัด  การผ่าตัดจะช่วยปรับโครงสร้างของกระดูกและข้อเพื่อให้สามารถสวมใส่รองเท้าได้ตามปกติ และปรับรูปร่างของเท้าที่มีปุ่มกระดูกนูนกดฝ่าเท้าจนเกิดแผลให้ความนูนของกระดูกลดลง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น